Rizky Faidan หรือ Zeus โปรเพลย์เยอร์ eFootball PES 2020 วัย 17 ปี ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ต้องเดินทางจากบ้านเกิดอย่างอินโดนีเซีย มาแข่งขัน Toyota E League ให้กับต้นสังกัด โดยใช้เวลาเพียงแค่ 15-30 นาที ต่อสัปดาห์เท่านั้น เพราะอะไรเขาจึงยอมทำถึงขนาดนี้ และเขาเก่งกาจแค่ไหน “ปราสาทสายฟ้า” ถึงต้องคว้าตัวมาร่วมทีม? ONE Esports มีคำตอบ

เริ่มซ่า 5 ขวบ

ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีที่แล้ว Rizky Faidan ในวัย 5 ขวบ ได้สัมผัสกับวิดีโอเกมเป็นครั้งแรก และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้รู้จักกับ Pro Evolution Soccer หรือ PES โดยเล่นกับพี่ชายที่อายุมากกว่าเขาถึง 8 ปี

“ตอนนั้นผมยังเด็กมากจริงๆ ก็เล่นไปตามประสาเด็กที่ชอบฟุตบอล นักเตะในดวงใจของผมตอนนั้นคือ คริสเตียโน โรนัลโด พอเห็นเขาขึ้นปก PES 2008 ผมก็เลยอยากลองเล่นดู” Rizky เริ่มเล่า

“จริงๆแล้วตอนนั้นผมไม่ได้เล่นแต่ PES นะ ผมเป็นคนชอบเล่นเกมกีฬามาก ไม่ว่าจะเป็น F1 หรือ Moto GP แม้กระทั่งเกมมวยปล้ำผมก็เล่น แต่ที่ชอบที่สุดคือฟุตบอล”

เป็นที่รู้กันดีว่า มีเพียง PES และ FIFA เท่านั้นที่เป็นสองยักษ์ใหญ่แห่วงเกมฟุตบอล และทั้งคู่ต่างก็แข่งขันกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งอันที่จริงแล้ว FIFA ถูกสร้างขึ้นมาก่อน PES หรือชื่อในยุค 90’ ว่า Winning Eleven ด้วยซ้ำ

แม้ Rizky จะเล่นทั้งสองเกมมาทุกปี แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง สุดท้ายเขาก็เลือกเอาดีกับ PES เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ผมเล่น PES และ FIFA ทุกภาคเลย ข้อแตกต่างระหว่างสองเกมนี้คือผมคิดว่าเกมเพลย์ FIFA เร็วกว่า PES แต่ผมคิดว่า FIFA 19 กับ 20 แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลย ต่างกับ PES ที่ผมรู้สึกว่ามันแตกต่างจากเดิมทุกๆปี”

“เมื่อเวลาผ่านไป พอผมประสบความสำเร็จกับเกม PES มาเยอะ ก็รู้สึกว่าสนุกกับการเล่น PES มากกว่า FIFA ไปแล้ว จึงตัดสินใจจริงจังกับ PES เป็นหลักเสียเลย”

ในประเทศอินโดนีเซีย กีฬาที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือฟุตบอล จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เกมลูกหนังอย่าง PES จะได้เป็นที่นิยมอย่างมากเช่นกัน และเป็นที่ชื่นชอบของคอเกมยิ่งกว่า FIFA อีกด้วย

แต่น่าเสียดายที่มันยังไม่ใหญ่พอจะมีลีกการแข่งขันภายในประเทศ

“สังคมคนเล่น PES ในอินโดนีเซียถือว่าใหญ่พอสมควร และมีฝีมือด้วยเช่นกัน ผมคิดว่าผู้เล่นอินโดนีเซียเก่งกาจไม่เป็นรองใครในอาเซียนเลย แต่ก็แค่ประมาณ 10 คนเท่านั้นที่ผมพอนึกออก”

“ณ ตอนนี้ อินโดนีเซียไม่มีลีก PES ในประเทศ มีแค่การจัดแข่งทัวร์นาเมนต์ทั่วๆไป อาจเป็นเพราะสังคมของเรายังไม่ใหญ่พอที่จะทำให้มีใครมาสนใจลงทุนจัดการแข่งขันแบบลีก และผมคิดว่าในอนาคตมันก็คงเป็นไปได้ยากเช่นกัน”

เรียนก่อนเล่นทีหลัง

เป็นเรื่องธรรมดาที่เหล่าโปรเพลเยอร์ทั้งในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก จะสตรีมเล่นเกมให้แฟนคลับได้ดู โดยการสตรีมแต่ละครั้งมักจะไม่ต่ำว่า 3-4 ชั่วโมงต่อวัน

แต่นั่นไม่ใช่ทางของ Rizky เอาเสียเลย และน่าแปลกใจที่ปัจจุบันเขาซ้อมเล่นเกม PES เพียง 3 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น

“หลายคนอาจมองว่าดูน้อย สาเหตุเพราะผมคิดว่าถ้าผมเล่นมากเกินไป จะเป็นการเสียสมาธิจากการเล่นที่เกินพอดี แล้วอีกอย่างหนึ่งคือผมยังคงเรียนอยู่ด้วย”

“ปกติแล้ววันธรรมดาผมเรียนเต็มวัน ก่อนจะกลับมาบ้านเพื่อฝึกซ้อมออนไลน์กับเพื่อนๆทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เวลา 6 โมง ถึง 3 ทุ่ม  ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ผมต้องเดินทางมาแข่ง Toyota E-League ที่ประเทศไทย”

นับว่าเป็นความโชคดีมากที่ครอบครัวของ Rizky ให้การสนับสนุนกับการเล่นเกมมาตลอด เพราะมันไม่ใช่เรื่องปกติในอินโดนีเซีย หรือแม้กระทั่งครอบครัวทั่วๆไปที่จะปล่อยให้ลูกเล่นเกมโดยไม่ห้าม

และจากการสั่งสมประสบการณ์เล่นเกมตั้งแต่ยังเด็ก บวกกับการฝึกฝนตัวเองเป็นประจำในทุกวันนี้ นั่นทำให้เขาเก่งกาจจนถึงขั้นเพื่อนคนไหนอยากเล่นด้วยอีกต่อไป

“พ่อผมเป็นคนชอบเล่นเกม ตั้งแต่ PlayStaion 2, 3 จนมาถึง 4 ตัวผมเลยมีโอกาสได้เล่นเกมกับพ่อและพี่ชายมาตั้งแต่เด็กๆ”

“แต่พ่อผมเสียมาประมาณ 6 ปีแล้ว น่าเสียดายที่ท่านไม่มีโอกาสให้เห็นผมลงแข่งระดับอาชีพ จึงเหลือแต่แม่ที่คอยดูถ่ายทอดสดตามเชียร์ผมมาตลอดทุกสัปดาห์ พอผมแพ้แม่ก็ถามตลอดว่าแพ้ได้ไง (หัวเราะ)”

“เพื่อนร่วมชั้นบางคนได้ดูผมแข่งทุกครั้ง และคอยเชียร์ผมมาตลอด อันที่จริง 2 ปีที่แล้ว พวกเขาก็เล่น PES กับผมนี่แหละ แต่พอไม่มีใครเอาชนะผมได้ ก็ไม่มีใครเล่นกับผมอีกเลย รวมถึงพี่ชายผมด้วย (หัวเราะหนักมาก)”

ถึงคราวเทิร์นโปร

3-4 ปี ก่อนหน้านี้ Rizky ยังคงเดินสายลงแข่งทัวร์นาเมนต์ทั่วๆไปในอินโดนีเซีย หลังจากประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ได้หลายรายการ ก็ถึงเวลาที่เขาต้องก้าวเข้าสู่วงการเกมอย่างจริงจัง

“ผมรู้สึกว่าฝีมือของผมตอนนั้นสามารถไปได้ไกลกว่าแค่ในประเทศ และฝันมาตลอดว่าอยากเป็นผู้เล่นของสโมสรอาชีพให้ได้ จึงตัดสินผันตัวสู่เส้นทางโปรเพลเยอร์”

“หลังจากนั้นผมก็ได้ไปแข่งทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติครั้งแรก คือรายการ PES SEA Champions League เมื่อปี 2016 ที่ผมผ่านการคัดตัวจนได้เป็นหนึ่งในตัวแทนทีมชาติอินโดนีเซียไปลงแข่งรายการนี้”

“แต่น่าเสียดายที่ผมไปแพ้ให้กับทีมชาติเวียดนาม และตกรอบก่อนรองชนะเลิศไป”

ในช่วงระยะเวลาเพียง 2 ปี นับตั้งแต่ Rizky เทิร์นโปร เขาประสบความสำเร็จในระดับภูมิภาค และระดับโลกมาแล้วมากมายทั้งแชมป์ PES League Regional Finals Asia 2019 ที่ญี่ปุ่น ทั้งประเภทเดี่ยวและ Co-op รวมถึง SEA Finals 2019 ที่จัดขึ้นที่ประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว

น่าเสียดายที่รายการระดับโลกอย่าง PES League World Finals 2019 ที่ ลอนดอน, ประเทศอังกฤษ เขากลับไปไม่ถึงฝั่งฝันทั้งสองประเภท

“ในรอบรองชนะเลิศ Co-op ผมกับเพื่อนร่วมทีมสร้างความผิดพลาดเยอะเกินไป และกว่าจะแก้เกมได้มันก็ช้าเกินที่จะกลับมาแซงชนะแล้ว”

“สุดท้ายเราก็จบที่อันดับ 2 ของประเภท Co-op และตัวผมเองก็ได้ที่ 4 ประเภทเดี่ยว แม้จะไม่ได้แชมป์ แต่ก็ดีใจมากๆแล้วเพราะผมฝันมาตลอดที่จะได้มาแข่งในรายการนี้”

แม้จะประสบความสำเร็จมามากมาย และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งที่สุดแห่งวงการ PES อาเซียน แต่ตัวเขาเองยังไม่คิดว่าตัวเองเก่งกาจถึงขั้นนั้น

“ไม่เลย ผมยังไม่เก่งที่สุด ในเอเชียมีผู้เล่นเก่งๆหลายคน ผมไม่อยากบอกว่าผมเก่งที่สุด ทั้งในตอนนี้และอนาคต”

ร่วมทัพปราสาทสายฟ้า

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนเมษายน ปี 2019 เชียงใหม่ เอฟซี เคยประกาศคว้าตัว ​Rizky ลุยศึก Toyota E-League 2019 มาแล้ว ทว่าต่อเขายังไม่สามารถเดินทางไป-กลับ เพื่อลงแข่งให้กับต้นสังกัดได้ ท้ายที่สุดแล้ว “พยัคฆ์ล้านนา” จึงต้องคว้าตัว Hassan นักกีฬาชาวอิหร่านดีกรีเหรียญเงินเอเชียนเกมส์ เข้ามาแทนที่ พลาดโอกาสลงแข่งในฐานะโปรเพลเยอร์ของสโมสรอาชีพครั้งแรกไปอย่างน่าเสียดาย

8 เดือนผ่านไป ฝันของเขาก็เป็นจริง เมื่อสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้ทำการคว้าตัวเขาไปร่วมทัพ ช่วยทีมป้องกันแชมป์ในศึก Toyota E-League 2020

https://www.facebook.com/buriramunitedesports/posts/476798792972313

“บุรีรัมย์ คือหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน ผมรู้จักบุรีรัมย์เป็นอย่างดีเลย พอพวกเขายื่นข้อเสนอให้ผมมาเล่นในประเทศไทยผมจึงดีใจมากๆ”

“ผมเกิดและโตที่เมืองบันดุง จึงรู้จัก สุเชาว์ นุชนุ่ม (อดีตกัปตันทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ที่เคยเล่นให้กับเปอร์ซิบ บันดุง สโมสรบ้านเกิดของผม รวมถึง สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (ผู้รักษาประตู ชลบุรี เอฟซี) ด้วย ผมจึงตอบตกลงข้อเสนอของพวกเขาแบบไม่ต้องคิดเลย”

ด้วยความที่เขาไม่สามารถทิ้งการเรียนได้ ทำให้ในแต่ละสัปดาห์ เขาต้องเดินทางจากอินโดนีเซีย มายังประเทศไทย เป็นระยะทางกว่า 7,000 กิโลเมตร โดยเริ่มตั้งแต่นั่งรถจากบ้านไปยังสนามบินเป็นเวลา 4 ชั่วโมง ก่อนขึ้นเครื่องบินมาที่กรุงเทพฯอีก 4 ชั่วโมง เพื่อลงแข่งใน Toyota E-League 2020 เพียงสัปดาห์ละ 15-30 นาที เท่านั้น

แม้จะมีอาการล้าจากการเดินทาง และส่งผลต่อการแข่งขันบ้างเล็กน้อย แต่เพื่อความฝันที่เขาตามล่ามานาน เขายอมทำได้ทุกอย่าง

“แม่บอกผมว่าต้องให้ความสำคัญกับการเรียนก่อน จากนั้นผมสามารถเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตส์อย่างเต็มตัวได้”

“อันที่จริงแล้วอาจะเป็นเพราะผมเรียนไม่ค่อยเก่งด้วยแหละ แม่เลยอยากให้เรียนให้จบก่อน (หัวเราะ) จริงอยู่ที่ผมมีอาการเหนื่อยล้าจากการเดินทางอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะผมรอคอยโอกาสนี้ (ลงแข่งในฐานะนักกีฬาสโมสร) มาเสมอ”

ลีกไทยไม่ง่าย

Rizky ประเดิมแมตช์แรกใน Toyota E-League 2020 ด้วยการเฉือนเอาชนะ เชียงราย ยูไนเต็ด ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บไปได้แบบสุดระทึก 3-2 และเสมอกับ นครราชสีมา เอฟซี ในแมตช์ที่ 2 ก่อนคว้าชัยได้อีก 3 นัดรวด กับ ชลบุรี เอฟซี, พีที ประจวบ เอฟซี และ การท่าเรือ เอฟซี

ทว่าสองสัปดาห์ล่าสุด เขากลับมาทั้งสองแมตช์ ให้กับจ่าฝูงอย่าง บีจี ปทุม ยูไนเต็ด และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี

“ผมรู้สึกตื่นเต้นทุกสัปดาห์กับการลงแข่งใน Toyota E-League เพราะทุกอย่างมันเป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม, ผู้เล่น และการแข่งขัน ทำให้ผมรู้สึกอยากจะลงเล่นทุกสัปดาห์”

“ผมชอบนะที่ได้เจออะไรใหม่ๆ มันทำให้ผมได้โฟกัสกับการแข่งขัน แม้จะสัปดาห์ละแค่ 15 หรือ 30 นาที (1-2 แมตช์) ก็ตาม ผมมีความสุขกับชีวิตในจุดนี้”

“ต้องยอมรับตรงๆเลยว่าผู้เล่นชาวไทยปีนี้เก่งกว่าแต่ก่อน แต่ถ้าถามว่าใครเก่งที่สุด ก็เพื่อนร่วมทีมบุรีรัมย์ของผมนี่แหละ (หัวเราะ)”

แม้จะเดินทางมาแข่งคนเดียวทุกสัปดาห์ แต่ Rizky มีโค้ชคู่ใจอยู่ที่บ้านเกิด ซึ่งยังคงให้คำแนะนำและฝึกซ้อมให้เขามาจนถึงปัจจุบัน

“ทุกวันนี้เขาคอยจัดการตารางซ้อมให้ผม สอนว่าในแต่ละเกมต้องทำยังไง สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่แท็คติก แต่คือความมั่นใจ ผมต้องมั่นใจในทุกๆเกม ต้องไม่กลัวคู่ต่อสู้ เมื่อมีความมั่นใจ ก็จะเล่นตามแผนที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“ณ ตอนนี้ ผู้เล่นแต่ละคนในทีมต่างก็มีแผนของตัวเอง ตัวผมเองก็มีแท็คติกและสไตล์การเล่นที่ต่างจากเพื่อนร่วมทีมคนอื่น การที่ต้องเจอคู่ต่อสู้แตกต่างกันไปในแต่ละสัปดาห์ ผมต้องศึกษาการเล่นของพวกเขา ว่าต้องตั้งรับยังไง เปิดเกมบุกแบบไหน ดังนั้นวิธีการเล่นของผมต้องมีการปรับเปลี่ยนทุกสัปดาห์”

นอกจากศึกษาคู่แข่งแล้ว Rizky ยังศึกษานักเตะในทีมของตัวเอง ทั้งจากแมตช์การแข่งขันของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ใน โตโยต้า ไทยลีก 2020 ที่เคยได้เข้าชมเกมสัมผัสบรรยากาศรังเหย้าของ “ปราสาทสายฟ้า” มาแล้ว รวมถึงแมตช์ของทีมชาติไทยด้วยเช่นกัน

“สุภโชค สารชาติ คือนักเตะที่ผมชอบที่สุดใน บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ผมรู้จักเขาจากทีมชาติไทย เช่นเดียวกับ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา น้องชายของเขา”

“แต่ถ้าพูดถึงใน PES แล้ว นักเตะที่ดีที่สุดในทีมคือ ศุภณัฏฐ์ เขามีทั้งความเร็ว และการจบสกอร์ที่เฉียบคม เขาจึงเป็นนักเตะที่ผมส่งลงสนามเป็น 11 ตัวจริงอยู่เสมอ”

สุภโชค สารชาติ และ ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา

ฤดูกาลที่ผ่านมา “ปราสาทสายฟ้า” คว้าแชมป์อีสปอร์ตส์สองรายการคือ RoV Pro League Season 4 และ Toyota E-League 2019 ขึ้นชื่อว่า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด การเป็นแชมป์คือเป้าหมายเดียวของพวกเขาเท่านั้น อย่างที่ เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้กล่าวบนเวทีในงานเปิดตัว เปิดตัวสนาม Predator Arena ว่า “เวลาบุรีรัมย์ทำอะไรถ้ามันไม่อลังการถ้าไม่เป็นมาตรฐานโลกเราไม่ทำ และถ้าทำแล้วเราไม่เป็นเบอร์ 1 เราไม่เป็นแชมป์เราก็ไม่ทำครับ”

และการป้องกันแชมป์ปีนี้ Rizky ก็มั่นใจว่าเขาและเพื่อนร่วมทีมจะทำได้ พร้อมวางแผนย้ายมาอยู่ในประเทศไทยแบบถาวรในอนาคต

“แน่นอนว่าเป้าหมายของเราในปีนี้คือการเป็นแชมป์ให้ได้อีกครั้ง เดือนหน้าผมจะต้องสอบปลายภาคแล้ว และตัดสินใจว่าปีหน้าจะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย จากนั้นผมจะย้ายมาอยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน เพราะรายได้ของผมตอนนี้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และแม่ก็ไม่ติดขัดอะไร”

“ผมตั้งใจว่าจะอยู่กับ บุรีรัมย์ ไปอีกนานๆ และอาจจะเล่น PES มากกว่าวันละ 3 ชั่วโมง ด้วย” Rizky ปิดท้ายพร้อมกับเสียงหัวเราะ

“เพราะผมเล่นเกมฟุตบอล ผมจึงไม่ชอบสตรีม เพราะคู่ต่อสู้อาจจะเห็นแผนการเล่นของผม และจำนวนชั่วโมงการเล่นต่อวันของผมก็ไม่มากพอด้วย เพราะเหตุนั้นถ้าผมเบื่อๆจาก PES ผมมักจะเล่นเกมโทรศัพท์ อาทิเช่น PUBG Mobile,Mobile Legends และ UFC เพื่อเป็นการผ่อนคลายตัวเอง