THE PRINCE หรือ ศตวรรษ อินทรายุธ ผู้จัดการทีม King of Gamers Club ให้ความเห็นกับ ONE Esports เกี่ยวกับประเด็นที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์บนโลกออนไลน์ เกี่ยวกับร่างกฎหมายอีสปอร์ต โดยผู้จัดการทีมของ KOG ยอมรับว่าวงการอีสปอร์ตไทยควรมีมาตราการจากภาครัฐ แต่ควรเป็นในเรื่องการส่งเสริมและกำกับดูแล มากกว่าที่จะเป็นข้อห้าม

“ท่ามกลางอุตสาหกรรมอีสปอร์ตที่เติบโตขึ้นค่อนข้างรวดเร็วและยังคงเป็นของใหม่ในประเทศไทย แน่นอนว่าการมีมาตราการจากภาครัฐออกมาคงเป็นเรื่องปกติ ซึ่งในประเทศอื่นๆก็มี แต่ผมอยากให้มีคือการส่งเสริมและกำกับดูแล มากกว่าการที่จะมาพูดกันว่าคือการห้าม คือการควบคุม ที่สำคัญต้องมาจากผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจและมีส่วนร่วมจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างกว้างขวาง ต้องตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงมากกว่าอคติ ส่วนคำถามว่าอยากให้เน้นไปที่เรื่องไหน ผมอยากให้เน้นไปที่การส่งเสริมมาตราการทางเศรษฐกิจ มาตราการทางภาษี การคุ้มครองเด็กและเยาวชน ไม่ให้ถูกละเมิดหรือล่อลวง ไม่โดนโกง ขณะเดียวกันในบางประเทศเขาไปถึงขั้นการกระทำผิดบางอย่างในเกมเป็นคดีอาญา มีความผิดตามกฎหมายนอกเหนือจากการถูกระงับบัญชี ตัวอย่างเช่น ปี 2018 ประเทศเกาหลีใต้เตรียมออกกฎหมายให้การ Boosting หรือ การรับปั้มแรงค์มีความผิดตามกฏหมายจะมีบทลงโทษ คือจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกิน 20 ล้านวอน หรือประมาณ 600,000 บาทครับ”



นอกจากนี้ THE PRINCE ยังให้ความเห็นในเรื่องที่กำลังเป็นข้อถกเถียงกันอย่างมากในตอนนี้ หากร่างกฎหมายอีสปอร์ตเกิดขึ้นจริง เช่น การจัดแข่งเกมต้องขออนุญาติก่อน , ห้ามแข่งเกม FPS หรืออาจแบนเกมที่มีความรุนแรง และที่สำคัญคือ ห้ามสตรีมเมอร์ สตรีมเกมเกิน 2ชม.ต่อวัน

“ก่อนอื่นผมคิดว่าเรื่องนี้มันยังไม่ใกล้เคียงกับการเป็นกฎหมาย ต้นตอที่มาคือมีกลุ่มองค์กรจำนวนหนึ่งไปร้องเรียนและมีข้อเสนอ ทำให้กรรมาธิการในสภา เรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไปแสดงความคิดเห็น เรื่องมันเท่านี้เอง เพราะฉะนั้นเราอย่าเพิ่งตื่นเต้นกันจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเรื่องดีที่วงการเกม วงการอีสปอร์ตให้ความสนใจเรื่องนี้ เรามีสิทธิ์ที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่ตราบใดที่เราไม่ไปละเมิดผู้อื่นเสียเอง ก็ควรช่วยกันเกาะติด ช่วยกันตามข่าว แสดงความคิดเห็นกันภายใต้กรอบที่เหมาะสม ไม่รุนแรงจนเกินไป”

“ส่วนความคิดเห็นของผม ยืนยันว่าเกมมันไม่ได้เป็นตัวแปรโดยตรง ผมอยู่กับทีมที่แข่งเกมพวกนี้ ก็ไม่เห็นจะมีใครไปหาปืนจริงมายิงกัน ไม่เห็นมีใครเกเรอันธพาล ถ้าจะบอกว่าเกม FPS สร้างความรุนแรง แล้วการ ชกมวย ฟันดาบ หนัง ละคร ไม่ต้องทำอะไรกันแล้วครับเป็นความรุนแรงหมด มันอยู่ที่ตัวบุคคล ลองดูเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ให้ดี เปิดตาเปิดใจแล้วพิจารณาแบบไร้อคติกันดู ก็น่าจะเห็นได้ไม่ยากครับ”

“ส่วนแนวคิดเรื่องการจะให้สตรีมเมอร์ สตรีมเกมวันละ 2 ชั่วโมงต่อวันผมไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ ผมไม่ค่อยให้น้ำหนักในเรื่องนี้นะ มันสวนกระแสโลก และมันขัดหลักสิทธิเสรีภาพ ผมไม่มีความเห็นเรื่องข้อดีข้อเสีย เพราะคิดว่ามันผิดธรรมชาติมนุษย์และเป็นไปไม่ได้ การสตรีมเกมเกิน 2 ชั่วโมงไม่ได้ไปละเมิดสิทธิ์ใคร ขณะเดียวกันก็ไม่ควรมีใครมาละเมิดสิทธิ์เราโดยการห้ามในเรื่องนี้ครับ”

และนอกจากนี้ THE PRINCE ยังย้ำว่าอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับฟังและทำความเข้าใจกับวงการเกมในไทยให้มากกว่านี้

“สำหรับภาครัฐ ผมอยากให้เน้นไปเรื่องส่งเสริมและดูแลมากกว่า การจะตั้งธงห้าม อยากให้รับฟังให้มาก เพราะในบรรดาผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ภาครัฐมีความรู้ความเข้าใจเรื่องนี้น้อยที่สุด ผลวิจัยบางอย่างมันผ่านมาหลายปีแล้ว โลกทุกวันนี้มันเปลี่ยนแปลงกันเป็นหลักชั่วโมง บางอย่างมันล้าสมัยไปแล้วเอามาอ้างอิงไม่ได้แล้ว ส่วนภาคเอกชนก็อยากให้มาส่งเสริมกันเยอะๆ มันเป็นของใหม่ ยังมีพื้นที่ให้เราได้ใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ อีกค่อนข้างมาก ส่วนคนในวงการเกม เป็นเรื่องที่ดีครับที่เราติดตาม มีส่วนร่วม มันคือพื้นฐานประชาธิปไตย แต่ทุกอย่างก็ต้องอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม ไม่แสดงออกรุนแรง ก้าวร้าว คึกคะนอง จนเป็นเหตุให้คนบางกลุ่มเอาไปเป็นข้ออ้างหาเหตุมาห้าม มาควบคุมวงการเกมครับ”

อ่านเพิ่ม: อย่าเพิ่งแตกตื่น! พี่แว่น Cuteboy แจงประเด็นกฎหมายควบคุมเกม